3. ธรรมชาติของมนุษย์

   

    กลุ่มจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์เชื่อว่าคนเรามีลักษณะของความเป็นมนุษย์และสัตว์ผสมอยู่ด้วยกันและเน้นว่าชีวิตของมนุษย์หล่อหลอมมาจาก ความต้องการทางร่างกายแรงขับทางเพศและสัญชาตญาณของความก้าวร้าว นักจิตวิเคราะห์กลุ่มนี้มองมนุษย์ในแง่ของความเป็นสัตว์และความเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐกล่าวคือคนเรามีลักษณะเหมือนกับสัตว์ในแง่ของความต้องการ อาหาร การขับถ่าย และความต้องการทางเพศแต่คนแตกต่างไปจากสัตว์ในแง่ที่ว่าสามารถจะพัฒนาเทคนิคการสื่อความหมายต่างๆในการดำรงชีวิตอยู่ ในสังคม ซึ่งสามารถแยกตนไปจากเรื่องของ สัญชาตญาณได้นั่นคือความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมีคุณธรรมสามารถครอบคลุมพฤติกรรมโครงสร้างบุคลิกภาพของมนุษยประกอบด้วยIdเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดแต่เป็นส่วนที่จิตไร้สำนึก มีหลักการที่จะสนองความต้องการของตนเองเท่านั้นเอาแต่ได้อย่างเดียวและจุดเป้าหมายก็คือ หลักความพึงพอใจ (Pleasure Principle) Id จะผลักดันให้ Ego ประกอบในสิ่งต่างๆ ตามที่ Id ต้องการEgoเป็นส่วนของบุคลิกภาพที่พัฒนามาจากการที่ทารกได้ติดต่อ หรือมีปฏิสัมพันธ์กับโลก ภายนอกบุคคลที่มีบุคลิกภาพปกติ คือ บุคคลที่Egoสามารถที่ปรับตัวให้เกิดสมดุลระหว่างความต้องการของIdโลกภายนอกและSuperegoหลักการที่Egoใช้คือหลักแห่งความเป็นจริง
    Superegoเป็นส่วนของบุคลิกภาพที่เกิดขึ้นในระยะที่ 3 ของพัฒนาการที่ชื่อว่า"Phallic Stage"เป็นส่วนของบุคลิกภาพที่ตั้งมาตรการของพฤติกรรมให้แต่ละบุคคลโดยรับค่านิยมและมาตรฐานจริยธรรมของบิดามารดาเป็นของตนโดยตั้งเป็นมาตรการความประพฤติ มาตรการนี้จะเป็นเสียงแทนบิดามารดาคอยบอกว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ มาตรการของพฤติกรรมโดยมากได้มาจากกฎเกณฑ์ต่างๆที่พ่อแม่สอนและมักจะเป็นมาตรฐานจริยธรรมและค่านิยมต่างของพ่อแม่ฟรอยด์กล่าวว่าเป็นผลของการปรับของOedipusและElectra Complex ซึ่งนอกจากทำให้เด็กชายเลียนแบบพฤติกรรมของ "ผู้ชาย" จากบิดาและเด็กหญิงเลียนแบบพฤติกรรมของ"ผู้หญิง"จากมารดาแล้วยังยึดถือหลักจริยธรรม ค่านิยมของบิดามารดาเป็นมาตรการของพฤติกรรมด้วย